อิโมจิ
อิโมติคอนหรือ อีโมจิ กลายมาเป็นตัวอักษรรูปแบบใหม่บนอินเทอร์เน็ตแล้ว อิโมจิ และอิโมติคอนได้แทรกตัวอยู่ในรูปแบบคำพูดที่เขียนขึ้นทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นอีเมล แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หรือห้องสนทนา ซึ่งหากไม่มีสิ่งเหล่านี้แล้ว พอล เจเจ เพย์แย็ก นักวิเคราะห์คำศัพท์ของ Global Language Monitor กล่าวว่า “ภาษาอังกฤษไม่เพียงแต่เพิ่มคำศัพท์ใหม่ทุก ๆ 98 นาทีเท่านั้น แต่ยังขยายขอบเขตของการสร้างคำศัพท์อีกด้วย ตัวอักษรเองก็ขยายขอบเขตจากตัวอักษรไปสู่ตัวเลข + (อิโมติคอน) เครื่องหมายกำกับเสียง + อีโมจิ (คำศัพท์ในภาพ)”
การเพิ่มขึ้นของอิโมจิ
อีโมจิเป็นคำที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2014 ตามรายงานของ Global Language Monitor โดย Oxford English Dictionary ได้เพิ่มคำนี้เข้ามาในปี 2014 (ตามที่ New York Times กล่าวไว้ นี่เป็นข้อเท็จจริงที่น่าสนใจในตัวมันเอง เพราะคำว่าอีโมจิเป็นคำที่อธิบายถึงแนวทางใหม่ในการไม่ใช้คำ!!!) อินเทอร์เน็ตได้มอบวิธีการแสดงออกใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นมากมายให้กับเรา ไม่ว่าจะเป็นตัวย่อ สัญลักษณ์ หรือคำย่อ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงออกทางภาษาบนอินเทอร์เน็ต อีโมจิหรือที่เรียกอีกอย่างว่าอีโมติคอน ซึ่งสร้างขึ้นจากความนิยมของใบหน้ายิ้ม เป็นสัญลักษณ์ที่เลือกใช้เมื่อพูดถึง ตามบทความใน New York Times ใบหน้ายิ้มถูกใช้ครั้งแรกในช่วงทศวรรษปี 1880 ในช่วงทศวรรษปี 1990 ชาวญี่ปุ่นได้เพิ่มฟีเจอร์ไอคอนรูปภาพใบหน้าลงในฟังก์ชันข้อความบนโทรศัพท์มือถือ ฟีเจอร์ดังกล่าวได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นทั่วโลกทันที นับแต่นั้นมา อีโมจิก็ได้รับความนิยมในหมู่คนทั่วไป และในปี 2008 ได้มีการสร้างตัวอักษรอีโมจิขึ้นมา ปัจจุบัน อีโมจิมีอยู่ในระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ยังมีบล็อก Emojinalysis และกลุ่มไม่แสวงหากำไรที่เรียกว่า Unicode Consortium ซึ่งทำการกำหนดมาตรฐานอีโมจิสำหรับแพลตฟอร์มทั้งหมดและเพิ่มอีโมจิใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ อีโมติคอนหรือ อีโมจิ ได้กลายเป็นรูปแบบใหม่ของตัวอักษรบนอินเทอร์เน็ต อีโมจิ และอิโมติคอนได้แทรกตัวอยู่ในรูปแบบคำพูดที่เขียนขึ้นทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นอีเมล แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หรือห้องสนทนา ก็คงจะไม่เหมือนเดิมหากไม่มีสิ่งเหล่านี้