บทนำเกี่ยวกับกาลของกริยา
กาลของกริยา
การเรียนรู้ กาลของกริยา นั้นต้องอาศัยการฝึกฝนและการทำซ้ำ เพื่อให้เข้าใจกาลของกริยาได้ดี บทเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของเราเกี่ยวกับ กาลของกริยา จะมาดูว่ากริยาคืออะไรและใช้ในภาษาอังกฤษอย่างไร บล็อกเหล่านี้เกี่ยวกับ กาลของกริยา ได้รับการออกแบบมาเพื่อเสริมการเรียนรู้ในห้องเรียนสำหรับนักเรียน ESL และเพื่อเสริมสร้างบทเรียนและหลักสูตรของคุณ กริยาคือคำกริยาที่แสดงการกระทำ ซึ่งอธิบายถึงการกระทำ สภาวะการเป็น หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กริยาในภาษาอังกฤษแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) กริยาปกติ ซึ่งได้แก่ กริยา ที่แสดงการกระทำ เช่น การวิ่งหรือการกระโดด 2) กริยาที่ไม่ต่อเนื่อง ซึ่งได้แก่ กริยา ที่แสดงสถานะของการเป็น เช่น is, was, will be, seems เป็นต้น “She has a sweet nature.” 3) กริยาผสมหรือกริยา ช่วย – ประโยค: ฉันจะไปห้างคืนนี้ กริยาช่วยคือ am มาแยกย่อยกันอีกนิด: กริยาปกติ กริยาที่ใช้กันทั่วไป เช่น: วิ่ง เดิน กิน บิน ไป พูด เป็นต้น ตัวอย่าง: ฉันคุยกับครู ฉันกำลังคุยกับครู กริยาไม่ต่อเนื่อง กริยาเหล่านี้มักเป็นสิ่งที่คุณไม่สามารถเห็นใครทำได้ ไม่ค่อยใช้ในกาลต่อเนื่อง ได้แก่: กริยานามธรรม to be, to want, to cost, to seem, to need, to care, to contain, to owe, to exist… การครอบครอง กริยา to holds, to own, to belong… อารมณ์ กริยา to like, to love, to hate, to dislike, to fear, to envy, to mind… กริยาผสม กริยาเหล่านี้ มีความหมายมากกว่าหนึ่งความหมาย ในทางหนึ่ง ความหมายแต่ละอย่างเป็นกริยาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ความหมายบางอย่างมีลักษณะเหมือนกริยาที่ไม่ต่อเนื่อง ในขณะที่ความหมายอื่นๆ มีลักษณะเหมือนกริยาปกติ” กริยาผสม to appearance, to feel, to have, to hear, to look, to see, to weight…’ ตัวอย่าง: to have: I have a dollar now กริยาที่ไม่ต่อเนื่อง – I own a dollar. I am having fun now กริยาปกติ – I am suffering fun now ตอนนี้เราเข้าใจประเภทของกริยาที่มีอยู่ในภาษาอังกฤษแล้ว เราก็สามารถเรียนบทเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับ กาลของกริยา ได้ บทเรียนจะแบ่งออกเป็นบทเรียนย่อยหลายบท โดยแต่ละบทจะเน้นที่กาลของกริยาประเภทต่างๆ หมวดแรกเรียกว่า ‘Simple Present’ และนั่นคือจุดที่เราจะเรียนรู้ในบทเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ในระหว่างนี้ ทบทวน ฝึกฝน และทำซ้ำ!